สมัชชาสหประชาชาติเลื่อนการลงมติ “อย่างไม่มีกำหนด” เกี่ยวกับการยุติความสนับสนุนด้านอาวุธแก่เมียนมา และการเรียกร้องให้กองทัพเมียนมายุติใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ว่า แหล่งข่าวในสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ซึ่งมีสมาชิก 193 ประเทศ ว่ากำหนดการลงมติเกี่ยวกับร่างมติว่าด้วย “การระงับโดยทันทีต่อความสนับสนุนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ในการส่งมอบอาวุธและเครื่องกระสุนปืนให้แก่เมียนมา” ต้องเลื่อนออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด จากกำหนดการเดิม คือภายในวันอังคารที่ 18 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นของนครนิวยอร์ก
 
แม้ยังไม่มีประเทศออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลื่อนการลงมติครั้งนี้ แต่มีการวิเคราะห์ว่า บรรดาขั้วอำนาจต่างฝ่ายต่างต้องการความมั่นใจ ว่าสามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนให้เพียงพอ ทั้งนี้ การหยั่งเสียงของยูเอ็นจีเอไม่มีผลผูกพันในทางกฎหมายระหว่างประเทศ แตกต่างจากมติของ 15 ประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการลงมติโดยยูเอ็นจีเอ ผลที่ออกมาสร้างแรงกระเพื่อมทางการทูตได้เสมอ
 
นอกจากประเด็นความสนับสนุนด้านอาวุธ ร่างมติของยูเอ็นจีเอยังมีเนื้อหาเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมายุติการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน และการยุติคำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งบังคับใช้ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเป็นวันที่ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา ประกาศยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซูจี

ในอีกด้านหนึ่ง สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง ( เอเอพีพี ) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระทางการเมืองของเมียนมา รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์รุนแรงทางการเมือง อันเป็นผลสืบเนื่องจากการรัฐประหาร เพิ่มเป็นอย่างน้อย 802 ราย “แต่ในความเป็นจริงอาจมากกว่านั้น” ส่วนสถิติสะสมของผู้ถูกจับกุมมีอย่างน้อย 4,120 คน ในจำนวนนี้ 20 คนถูกพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิต