Ludo เกมชีวิต ซีรี่ย์หนังอินเดีย Netflix หนัง Original Netflix งานคุณภาพระดับหนังโรงดีๆ จนคาดว่าน่าจะเป็นหนังโรงอินเดียที่ประสบปัญหาโควิดจนต้องมาฉายในเน็ตฟลิกซ์แทน ซึ่งในเรื่องนี้มีทั้งความยาวแบบหนังอินเดียในโรงเพื่อพักครึ่ง (interval) ถึง 2 ชั่วโมงครึ่งเต็มๆ และต้องดูกันจนถึงเอนด์เครดิตเพราะเรื่องราวส่วนท้ายยังเล่าต่อจากหนังไปอีก อีกทั้งเพลงประกอบกับฉากเต้นในเรื่องมีครบสูตรหนังอินเดียระดับที่ฉายในโรง ซึ่งหนังอินเดียเน็ตฟลิกซ์ทั่วไปจะแห้งแล้งตรงนี้มาก

ด้วยงานคุณภาพพื้นฐานจัดมาเต็มที่แล้ว บทภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เขียนออกมาแบบอัดแน่นไปด้วยความสนุกไปกับจังหวะลงตัวทุกนาทีที่เรื่องเดินหน้าไป แบบคุณแทบไม่สามารถลุกไปไหนหรือละสายตาไปได้เลยเพราะอาจจะข้ามเรื่องราวสำคัญสั้นๆ จนไม่รู้เรื่องได้ เพราะเหตุที่ตัวเรื่องเดินหน้าไปพร้อมกัน 4 คู่หลัก+คู่รอง แบบตัดสลับกันออกนาทีต่อนาที ไม่ใช่การเล่าเรื่องเป็นช่วงๆ แบบหนังหลายคู่เรื่องอื่น ซึ่งการเขียนบทให้ตัวละครออกมานิดเดียวไม่กี่นาทีแล้วก็โยนเรื่องกลับไปมาเหมือนทอยเต๋านี่เป็นความตั้งใจของผู้กำกับและเขียนบท Anurag Basu ที่เคยมีผลงานน่ารักโด่งดังจาก Barfi! (สามารถรับชมได้ในเน็ตฟลิกซ์คลิกที่นี่) ตัวเรื่องจะอิงเค้าโครงจากเกมกระดาน Ludo ที่เป็นเกมยอดนิยมของอินเดีย ที่ผู้เล่นต้องแข่งกันเข้าไปยังบ้านใจกลางให้ได้ (ทำความรู้จักเกมกระดานนี้เพิ่มเติมคลิกที่นี่) ด้วยความที่เรื่องยึดโครงสร้างการเดินเรื่องแบบเกมกระดานที่ต้องมีพลิกไปพลิกมาตลอดเวลา ทำให้เรื่องนี้หลากไปด้วยสารพัดอารมณ์และแนวเรื่องหลายอย่างปนกัน ตั้งแต่ ตลกนำ รักตาม ดราม่าได้ ซึ้งก็มี ปรัชญาก็เอา อาชญากรรมก็สำคัญ แถมยังมีเรื่องเหนือธรรมชาติเข้ามาอีก แต่ทั้งหมดกลับเชื่อมต่อร้อยเรียงได้อย่างลงตัว จนไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าหนังทำได้ครบรสแบบนี้ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างสวยงาม

ถ้าให้เล่าเรื่องนี้แบบเข้าใจคงทำได้ยากมาก เพราะเรื่องเปิดมาเป็นตัวละครแต่ละตัวจากที่แตกต่างกันแล้วค่อยๆ มาเชื่อมต่อเกี่ยวพันในเส้นทางชีวิตที่ไปยังจุดหมายเดียวกันเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ที่จริงนี่คือเกมชีวิตที่ถูกกำหนดบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนไว้หมดแล้ว จากการเริ่มเรื่องโดย คนสองคนใส่เสื้อสีขาวกับดำ ที่กึ่งๆ เป็นเหมือนพระเจ้าในเรื่อง และกุมความลับของชีวิตทุกคนในเรื่องไว้หมด โดยทั้งสองคนนี้จะเล่นเกม Ludo ที่ว่าไปพร้อมกับบอกว่าใครเป็นตัวหมากไหน มีหน้าที่อะไร ก่อนจะตัดไปให้เห็นชีวิตของตัวละครนั้นซึ่งก็ตรงกับที่ตัวละครเสมือนพระเจ้าพูดเอาไว้ไม่มีผิด ซึ่งตรงนี้ตอนจบจะมีเฉลยว่าทั้งสองคนคือใคร แต่ส่วนนี้ไม่ใช่ปมปริศนาสำคัญอะไรมากเท่าเรื่องราวที่ดำเนินไปแบบผจญภัยโลดโผนสุดเหวี่ยงจากเหตุการณ์มือปืนมาตามฆ่าเป้าหมาย ก่อนไปเจอเมียที่ตามผัวแอบมีชู้ และต้องมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนชายที่หลงรักเธอหัวปักหัวปำมาตลอด ต่อมาด้วยพนักงานห้างหนุ่มต็อกต๋อยที่ถูกหัวหน้ากดขี่ ต้องมาพบรักกับพยาบาลสาวจนๆ แต่ติดหรู หนุ่มนักพากย์รูปหล่อคารมดีแต่จนกรอบจนสาวที่หลงไปแต่งกับชายอื่น แต่สาวเจ้าดันพลาดมีอดีตคลิปโป๊กับเขาจนว่อนอินเดียจนต้องตามหามือดีที่อัพคลิปให้ได้ ในขณะที่นักฆ่าสุดเหี้ยมพึ่งออกจากคุกกลับช้ำรักจากเมียหอบลูกไปแต่งกับคนใหม่ที่เป็นเพื่อนของเขาเอง แถมยังมาเจอกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่พ่อแม่ไม่ค่อยสนใจ เธอเลยต้องเรียกค่าไถ่ตัวเองโดยให้นักฆ่าสุดเหี้ยมช่วยทำให้สมจริง!

ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่ว่ามานี้เป็นแค่จุดเริ่มการผจญภัยของทุกตัวละครหลัก ที่ทุกคนต้องมาเกี่ยวพันกันในฉากแบบแอบอยู่มุมนั้นมุมนี้บ้าง ดังนั้นมุมกล้องของเรื่องนี้จึงถูกวางไว้ให้เห็นเหตุการณ์ในฉากเดียวกันหลายมุม ซึ่งก็ทำให้เราได้เข้าใจเรื่องมากขึ้นในแต่ละครั้งที่เห็นอีกมุมหนึ่งต่างออกไป ซึ่งทำให้เรื่องราวมีหลายมิติลงลึกแบบน่าติดตามมากว่า คนนี้จะไปเจอคนนั้นเมื่อไหร่ เจอกันแล้วเป็นยังไง และเหตุการณ์หลักในแต่ละคนมาชนจังๆ กับอีกเหตุการณ์หนึ่งได้ยังไง ตัวหนังจะค่อยๆ ผูกทุกเรื่องขมวดเข้ามาเรื่อยๆ โดยมีปมคือเรื่องความรักในแต่ละคู่เป็นจุดสำคัญ แต่ไม่ได้จำเป็นว่าต้องเป็นหญิงสาวกับชายหนุ่ม ในเรื่องมีรูปแบบความรักหลากหลายมากกว่านั้น ทั้งรักข้างเดียวไม่หวังผลตอบแทบ รักที่ตั้งอยู่บนฐานะความรวยของอีกฝ่าย มิตรภาพต่างวัย ซึ่งแต่ละเรื่องก็จะเป็นคนละโทนอารมณ์ต่างกัน แต่ทุกเรื่องจะใช้แนวตลกเป็นเรื่องนำ ดราม่าเป็นเรื่องตาม การผจญภัยเป็นส่วนเสริม ซึ่งผู้กำกับแบ่งซอยย่อยอารมณ์กับเรื่องราวได้ดีจนแทบไม่มีที่ติ ระหว่างที่ดูแทบไม่รู้สึกเลยว่ามีฉากไหนที่น่าเบื่อหรืองงกับเรื่องราวที่ซ้อนกันมากมายในเรื่องเดียวขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ความยาว 2 ชั่วโมงครึ่งคืออุปสรรคอย่างหนึ่งเลยของหนังที่ลากยาวมักมีช่วงดรอปลง อืดเป็นพักๆ บ้าง แต่เรื่องนี้กับคงอารมณ์หลายอย่างผสมกันได้ตลอดเวลา แน่นอนเลยว่าคุณต้องมีหัวเราะนิดๆ ขำมากกับมุกบ้าๆ จู่ๆ ฉากต่อมาก็ซึ้งน้ำตาซึมได้แบบงงๆ ลุ้นเรื่องรักก็ลุ้น แถมยังมีหักมุมกันเบาๆ ไม่ใช่เดาได้หมด เรื่องอาชญากรรมก็สำคัญเพราะนี่เป็นหนังที่มีการตามล่ายิงฆ่ากันตั้งแต่ต้นจนจบด้วย

เรื่องนี้เรียกว่าเป็นหนังอินเดียโดยแท้ เพราะมีเพลงประกอบอยู่ตลอดเรื่อง แต่ไม่ต้องกลัวไม่เข้าใจเพราะ Netflix มีซับเพลงให้ครบ อีกทั้งฉากเต้นที่คนไม่คุ้นชินหนังอินเดียอาจจะยี้ แต่เรื่องนี้ทำออกมาผสมกลมกล่อมไปกับเรื่องแบบไม่โดดออกมาเป็นฉากแบบมิวสิควิดีโอเหมือนเรื่องอื่น และทั้งเพลงกับฉากเต้นในเรื่องก็มาแบบกำลังดี ช่วยเสริมเรื่องราวให้สนุกขึ้นไปอีก

ดารานักแสดงในเรื่องนี่เล่นกันได้สมบทบาทไร้ที่ติทั้งหมด แถมบทก็เฉลี่ยให้ทุกคนสมดุลย์ไม่มีใครได้บทเกินจนรู้สึกว่าคู่นี้เด่น หรือคนนี้พระเอกเลย แต่ก็ต้องบอกว่ามีตัวละครหนึ่งที่โดดเด่นสุดในเรื่องนั่นคือ บทของเจ้าพ่อมือปืนที่เปิดเรื่องมาฆ่าคนชิลๆ พร้อมร้องเพลง “โอ้ที่รักของฉัน” ได้ฮาหน้าตายมากๆ ซึ่งรับรองเลยว่าคนดูจะได้เห็นบทบาทนี้ค่อยๆ พลิกไปเป็นอีกคนได้อย่างน่ารัก พร้อมทั้งเจอเหตุการณ์ตายซ้ำตายซากบ่อยมากแบบฮาว่ารอดมาได้ยังไง จนคนดูต้องหลงรักเอาใจช่วยตัวละครนี้ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ (บทนี้แสดงโดย Pankaj Tripathi ที่เคยรับบทพ่อทูนหัวของเจ้าลัทธิใน Sacred Games ซีรีส์อินเดียอันดับ 1 ของเน็ตฟลิกซ์ ใครสนใจคลิกอ่านรีวิวที่นี่ )

แม้พล็อตจะผูกทบกันวุ่นวายไปหมด แต่หนังก็ยังวางเส้นเรื่องพล็อตสูตรสำเร็จความรักไว้ชัดเจนว่าใครคู่กับใคร และลงเอยกันได้แน่ๆ แต่ระหว่างทางจะมีพลิกหลอกคนดูอยู่บ้าง ซึ่งก็อาจจะรู้สึกว่าฉากจบในเรื่องดูเป็นสูตรหนังรักตรงไปตรงมาได้เหมือนกัน แต่เรื่องก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ ยังคงมีเหตุผลใส่มาให้เราเชื่อได้ในตอนจบมากน้อยต่างกันไปในแต่ละคู่